การ พยาบาล หญิง ตั้ง ครรภ์ ไวรัส ตับ อักเสบ
การตั้งครรภ์เป็นช่วงเวลาที่สำคัญและได้รับการดูแลที่เพิ่มมากขึ้นเป็นพิเศษ เนื่องจากผู้หญิงตั้งครรภ์สามารถมีผลกระทบต่อการตั้งครรภ์และทารกในครรภ์ได้ ซึ่งการตรวจวินิจฉัยและการรักษาไวรัสตับอักเสบในหญิงตั้งครรภ์เป็นสิ่งสำคัญที่ควรรู้
การตรวจวินิจฉัยไวรัสตับอักเสบในหญิงตั้งครรภ์
การตรวจวินิจฉัยไวรัสตับอักเสบในหญิงตั้งครรภ์สามารถทำได้โดยใช้ระยะเวลาที่เป็นที่ยอมรับและสื่อสารกับผู้เชี่ยวชาญด้านการตรวจการตรวจภายในในระยะเวลาอันสั้นด้วยเทคโนโลยีหลากหลายอย่างได้รวมทั้งน้ำหล่อเลือด การตรวจเพิ่มขึ้นแบบทันที และตรวจภายในที่อยู่ในคน เช่นการตรวจเลือด การตรวจเอกซเรย์ผ่าตัดและตรวจวินิจฉัยโดยใช้เครื่องมือช่วย
การป้องกันการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบในหญิงตั้งครรภ์
การป้องกันการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบในหญิงตั้งครรภ์สามารถทำได้โดยการฉีดวัคซีนก่อนการตั้งครรภ์ ซึ่งสามารถป้องกันไวรัสตับอักเสบได้รวมทั้งระยะยาวในทางปฏิบัติ นอกจากนี้ การลดโอกาสถูกเข้าสังคมที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อช่วยลดการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบในหญิงตั้งครรภ์อีกด้วย
การรักษาไวรัสตับอักเสบในหญิงตั้งครรภ์
การรักษาไวรัสตับอักเสบในหญิงตั้งครรภ์จะขึ้นอยู่กับความรุนแรงของการติดเชื้อและสถานะการตั้งครรภ์ ในสถานการณ์ที่มีการติดเชื้อเข้าสู่ระบบไวรัสตับอักเสบบี หญิงตั้งครรภ์จะต้องได้รับการควบคุมการติดเชื้อและรักษาไวรัสตับอักเสบบีแม้ว่าจะไม่มีอาการ
ผลกระทบของไวรัสตับอักเสบต่อการตั้งครรภ์และทารกในครรภ์
การติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีในหญิงตั้งครรภ์สามารถมีผลกระทบต่อการตั้งครรภ์และทารกในครรภ์ได้ โดยที่ผู้หญิงที่ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีที่อาจลอกล้างการตั้งครรภ์มีโอกาสเสี่ยงต่อการคลอดก่อนกำหนด การตั้งครรภ์เต็มรูปแบบเดียวกันที่มีการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบยังคงเสี่ยงต่อการเกิดอาการที่รุนแรงของไวรัสตับอักเสบบีในทารกในครรภ์
การเลือกใช้ยาต้านไวรัสตับอักเสบในหญิงตั้งครรภ์
การเลือกใช้ยาต้านไวรัสตับอักเสบในหญิงตั้งครรภ์ขึ้นอยู่กับระยะครรภ์และตัวภายในการค้างคืน การใช้ยาต้านไวรัสตับอักเสบในหญิงตั้งครรภ์ต้องใช้ในขณะที่ไวรัสตับอักเสบอยู่ในระดับเข้ม เพื่อให้สามารถควบคุมการติดเชื้อและรักษาไวรัสตับอักเสบบีในทารกให้เป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การดูแลสุขภาพในการตั้งครรภ์ของผู้ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ
การดูแลสุขภาพในการตั้งครรภ์ของผู้ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบสำคัญในการควบคุมการติดเชื้อและรักษาความเป็นห่วงใยเกี่ยวกับภาวะที่เกิดขึ้น ผู้ที่ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบควรพิจารณาการทดสอบภาวะเครียด การออกกำลังกาย การบริโภคอาหารที่เหมาะสมและการพักผ่อนอย่างเพียงพอ
การทารกในครรภ์ที่มีพ่อแม่ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ
การทารกในครรภ์ที่มีพ่อแม่ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบยังคงเสี่ยงต่อการติดเชื้อจากพ่อแม่ ดังนั้น การดูแลทารกในครรภ์ที่มีพ่อแม่ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบเป็นสำคัญ การตรวจวินิจฉัยความเสี่ยงการติดเชื้อ การแก้ไขสภาพแวดล้อมและการดูแลความปลอดภัยสำหรับทารกในครรภ์จะช่วยลดความเสี่ยง
การทำคลอดและการเลื่อนการคลอดในผู้ที่ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ
การทำคลอดและการเลื่อนการคลอดในผู้ที่ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบยังคงเป็นเรื่องที่ยุ่งเกี่ยว เพราะโอกาสเป็นโรคและอื่นๆที่เกี่ยวข้องที่จะเกิดภายใต้ภาวะที่เปลี่ยนแปลง การแสดงความเสี่ยงและการดูแลความปลอดภัยในการทำคลอดและการเลื่อนการคลอดจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง
การฝึกอบรมเพื่อเพิ่มความรอบรู้ในการดูแลภาวะต่างๆในหญิงตั้งครรภ์ที่มีไวรัสตับอักเสบ
การฝึกอบรมเพื่อเพิ่มความรอบรู้ในการดูแลภาวะต่างๆในหญิงตั้งครรภ์ที่มีไวรัสตับอักเสบเป็นสิ่งสำคัญที่ควรพิจารณา ซึ่งช่ว
[Anc] พาหะไวรัสตับอักเสบบี กับการตั้งครรภ์ | Drnoon Channel
คำสำคัญที่ผู้ใช้ค้นหา: การ พยาบาล หญิง ตั้ง ครรภ์ ไวรัส ตับ อักเสบ ไวรัสตับอักเสบบีในหญิงตั้งครรภ์ coggle, ไวรัสตับอักเสบบีในหญิงตั้งครรภ์ วิจัย, ข้อ วินิจฉัย การพยาบาล หญิง ตั้ง ครรภ์ เป็น ไวรัสตับอักเสบบี, ข้อวินิจฉัยการพยาบาล hepatitis b, แนวทางการดูแลหญิงตั้งครรภ์และทารก เพื่อป้องกันการถ่ายทอดโรคไวรัสตับอักเสบ บี, ไวรัสตับอักเสบบีหญิงตั้งครรภ์, การให้ hbig ในทารกแรกเกิด, แนวทางการรักษาไวรัสตับอักเสบบี 2565
รูปภาพที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อ การ พยาบาล หญิง ตั้ง ครรภ์ ไวรัส ตับ อักเสบ
หมวดหมู่: Top 45 การ พยาบาล หญิง ตั้ง ครรภ์ ไวรัส ตับ อักเสบ
ดูเพิ่มเติมที่นี่: maucongbietthu.com
ไวรัสตับอักเสบบีในหญิงตั้งครรภ์ Coggle
ไวรัสตับอักเสบบี (Hepatitis B virus) เป็นไวรัสที่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อสูงและสามารถระบาดได้อย่างรวดเร็ว โดยสัมผัสตรงจากเลือดหรือของเหลวที่มีไวรัสตับอักเสบบีเข้าสู่ร่างกาย เช่น เชื้อเลเชียลตัวเดียวนี้สามารถติดต่อได้ผ่านทางอายุตระการหรือการติดสัมผัสกับเลือด ของเหลวที่ปนเปื้อนเชื้อไวรัสตับอักเสบบี เช่น เลือดที่ติดเชื้อ, น้ำลาย, น้ำมูก, สารน้ำเหลือง, น้ำเปล่าที่ปนเปื้อนเชื้อไวรัสตับอักเสบบี เป็นต้น ไวรัสตับอักเสบบีเป็นต้นเหตุของการติดเชื้อตับอักเสบชนิดที่สำคัญในด้านสาธารณสุข และมีสภาวะป้องกันต่อไวรัสที่บริสุทธิ์ที่เป็นหัวหน้าในโลก เรียกว่าโอกซีไวรัสตับอักเสบบี (hepatitis B surface antigen; HBsAg) ซึ่งจะเป็นตัวบ่งชี้ว่ามีการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีอยู่ในร่างกาย
ไวรัสตับอักเสบบีในหญิงตั้งครรภ์มีความเสี่ยงในการส่งเชื้อไปยังทารกผ่านทางช่องคลอด เรียกว่าการติดเชื้อแม่และลูกผ่านการเกิด โดยการติดต่อนี้สามารถเกิดขึ้นระหว่างการคลอด หรือสามารถเกิดที่ระหว่างการตั้งครรภ์เองก็ได้ จึงเป็นสิ่งที่ศัพท์ไข่ไยผู้ลุกไทยให้ความสำคัญและให้มีการตรวจหาไวรัสตับอักเสบบีในระยะหนึ่งของการตั้งครรภ์ เพื่อป้องกันและรักษาการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีให้กับทารกที่พึ่งเกิดจากพ่อแม่ที่ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี
การติดเชื้อและปัจจัยเสี่ยง
การติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีสามารถเกิดขึ้นด้วยวิธีการติดต่อได้หลายวิธี ได้แก่
1. การสัมผัสตรงผิวหนัง การสัมผัสโดยตรงกับเลือดหรือของเหลวที่ปนเปื้อนไวรัสตับอักเสบบี เช่น เลือดที่ติดเชื้อ
2. การสัมผัสทางเพศ การมีเพศสัมผัสโดยสัมผัสป้องกันทางพิษหรือวัตถุเคมีที่มีในเลือดหรือของเหลวที่ปนเปื้อนไวรัสตับอักเสบบีก่อน ห้วงเวลาเพื่อป้องกันการติดเชื้อทางเพศ และการใช้ถุงยางอนามัยคุณภาพ
3. การติดเชื้อผ่านทางเลือด การได้รับเลือดร่างกายส่วนที่ติดเชื้อหรือปนเปื้อนไวรัสตับอักเสบบี เช่น แผลมีด สัมผัสร่วมกับใยเลือดผิดปกติ
อย่างไรก็ตาม การติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีในหญิงตั้งครรภ์จากแม่ผู้ติดเชื้อไหลเวียน เป็นสาเหตุสำคัญที่สุดในการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีในเด็กทารกและเด็กวัยเด็ก
ผลกระทบต่อทารก
การติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีจากแม่ผู้ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีได้หลีกเลี่ยงได้โดยถึงแม้ตั้งครรภ์แค่เพียงครั้งเดียว แต่สามารถทำให้ทารกติดเชื้อจากแม่เกิดขึ้นได้ตลอดชีวิต ปัจจัยที่มีความเสี่ยงสูงในการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีในทารกมีดังนี้
1. มีการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีในแม่
2. ระยะเวลาคลอดที่มากกว่า 6 ชั่วโมง
3. มีภาวะไวรัสตับอักเสบมาก่อนตั้งครรภ์
4. มีระยะเวลาก่อนตั้งครรภ์ที่มารับการดูแลไม่ได้
5. มีประวัติการใช้ในเลือด (IV drug use)
6. การติดเชื้อด้วยแบบช้างเล็กตัวสายพันธุ์นอก (HBsAg-negative, anti-HBc-positive, anti-HBs-negative)
7. ครอบครัวมีประวัติการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี
บทความนี้จะแนะนำเกี่ยวกับไวรัสตับอักเสบบีในหญิงตั้งครรภ์ รวมถึงอาการโรค วิธีการตรวจวินิจฉัย การป้องกันการติดเชื้อ และคำถามที่พบบ่อย
อาการของไวรัสตับอักเสบบีในหญิงตั้งครรภ์
หากหญิงตั้งครรภ์ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี มักจะไม่มีอาการภาวะอักเสบตับเรื้อรัง ซึ่งอาจทำให้มั่นใจได้ว่าโปรแกรมคลอดครั้งคนสุดท้ายไม่ฉุกเฉินแน่นอน แต่การติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีหรือการเกิดจากการประสูติไวรัสตับอักเสบบีที่เลือดหรือของน้ำเปล่าของแม่ที่เป็นตัวสายทางให้เชื้อไวรัสตับอักเสบบีในเด็ก เป็นผลการสัมผัสเลือดร่างกายทางช่องคลอด
วิธีการตรวจวินิจฉัย
การตรวจวินิจฉัยไวรัสตับอักเสบบีในหญิงตั้งครรภ์จะมีวิธีการตรวจประเภทที่ตรวจตั้งแต่เร็วถึงภายหลังคลอด โดยทำการตรวจวินิจฉัยดังต่อไปนี้
1. ตรวจ ALPHA-FETOPROTEIN (AFP) : เป็นตัวบ่งชี้ที่เพิ่มขึ้นในกรณีไวรัสตับอักเสบบีร่วมกับผลของทารกที่ไม่เป็นปกติ
2. ตรวจ HBsAg: เป็นการตรวจหาไวรัสตับอักเสบบีที่มีอยู่ในร่างกายของแม่ ซึ่งถ้าปรากฏบวกในช่วงระยะเวลาตรวจ 6-9 เดือน ถือว่าหมายถึงการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี แต่ไม่ปรากฏในคนที่เคยได้รับวัคซีนต้านไวรัสตับอักเสบบีและเริ่มแสดงผล 2-6 สัปดาห์หลังที่ได้รับการติดเชื้อ
3. ตรวจ HBsAg และ Anti-HBs: เป็นการตรวจหาการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี ระบบภูมิคุ้มกันที่ป้องกันต่อไวรัสตับอักเสบบีหลังได้รับฉีดวัคซีนต้านไวรัสตับอักเสบบี
4. ตรวจ HBeAg และ Anti-HBe: เป็นการตรวจหาการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีที่อยู่ในเซลล์ในร่างกายของแม่
5. PCR (Polymerase Chain Reaction): เป็นการตรวจหาการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีในเลือดของแม่และทารก เนื่องจากเป็นวิธีการตรวจที่รวดเร็วและมีความไวสูง ทำให้สามารถใช้ตรวจในช่วง 28 สัปดาห์ขึ้นไปหรือหลังคลอดก็ได้
6. ตรวจตราการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีในทารกหลังสิ้นสุด 1 ปี
การป้องกันการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีในหญิงตั้งครรภ์
การป้องกันไวรัสตับอักเสบบีในหญิงตั้งครรภ์นั้นเป็นสิ่งสำคัญเพื่อปกป้องทารกที่เพิ่งเกิดจากการติดเชื้อ วิธีการป้องกันไวรัสตับอักเสบบีในหญิงตั้งครรภ์สามารถทำได้ดังนี้
1. การให้วัคซีนต้านไวรัสตับอักเสบบี: หากผู้หญิงยังไม่ได้รับวัคซีนต้านไวรัสตับอักเสบบี ควรรับวัคซีนหลายรอบ เพื่อให้ได้รับประสิทธิภาพในการป้องกันติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีรวมถึงการป้องกันโรคจากไวรัสตับอักเสบบีที่มารับอาการหลังที่รับถ่ายมาทางช่องคลอด โดยสามารถรับอัตราวัคซีนต้านไวรัสตับอักเสบบี และในด้านอื่น ๆ ที่เชื่อถือ
ไวรัสตับอักเสบบีในหญิงตั้งครรภ์ วิจัย
การพบเชื้อไวรัสตับอักเสบบีในผู้หญิงตั้งครรภ์
การพบเชื้อไวรัสตับอักเสบบีในผู้หญิงที่ตั้งครรภ์มีความหายากแต่ทั้งนี้ยังไม่ได้หมายความว่ามีการติดเชื้อมาแก่ผู้หญิงที่ตั้งครรภ์น้อยกว่าที่คาดหมาย สถิติบอกว่า ผู้หญิงที่เป็นพรรคบริโภคเมื่อมีการตรวจสอบในสายตาพบว่าไม่มีการติดเชื้อของไวรัสตับอักเสบบีรอบการตรวจเชื้อตับครั้งแรกก่อนตั้งครรภ์ แต่ในคนทั่วไป อัตราการติดเชื้อตีบวีรัสตับอักเสบบีเท่ากับหรือน้อยกว่าในช่วงเวลาการตรวจสอบของผู้ที่มีผลการตรวจสอบปกติในสายตา
ผลกระทบของไวรัสตับอักเสบบีต่อการตั้งครรภ์และทารก
ความเสี่ยงต่อการติดเชื้อทารกในขณะที่เลี้ยงลูกในครรภ์จากแม่ที่ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีจะพบเจอได้ค่อนข้างมาก ภาวะติดเชื้อจากแม่ไปยังลูกต้องผ่านช่องคลอด ซึ่งมีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดภาวะติดเชื้อตับอักเสบในทารกหลังคลอด (ภาวะติดเชื้อนี้เรียกว่าภาวะติดเชื้อตับอักเสบในทารกหลังคลอด หรือ Perinatal Hepatitis B) การติดตามผู้ที่เคยได้รับวัคซีนต้านไวรัสตับอักเสบบี เมื่อตรวจพบว่าผลการตรวจสอบเป็นปกติแต่ผู้ที่ติดเชื้อตับอักเสบบีขึ้นที่ 1 ปรับอัตราการติดเชื้อตดทำให้ทารกติดเชื้อตับอักเสบบีภายในระยะเวลายาวนาน เป็นระยะเวลาที่พักรักษาในทารกภายหลังคลอดมีความสำคัญมาก
การป้องกันไวรัสตับอักเสบบีในผู้หญิงตั้งครรภ์
วัคซีนต้านไวรัสตับอักเสบบีเป็นการป้องกันหลักต่อการติดเชื้อตับอักเสบบีในทารกและเด็ก เป็นวิธีป้องกันที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด ปรับอัตราการติดเชื้อต้นเติมการติดเชื้อตับอักเสบบีต่อทารก วัคซีนต้านไวรัสตับอักเสบบีสามารถรับประทานได้ร่วมกับวัคซีนทั่วไปตั้งแต่เกิด สำหรับเด็กที่เพิ่งเกิดมาใหม่วัคซีนต้านไวรัสตับอักเสบบีมักจะรับประทานพร้อมกับวัคซีนทั่วไปในเดือนแรกหลังจากเกิด และเนื่องจากไม่มีตัวยาสำหรับรับประทานวัคซีนต้านไวรัสตับอักเสบบีสำหรับผู้ที่มีค่าแอลตรานาซในมือกระทำกับวัคซีนที่ได้รับความประสงค์จะรับประทาน หลังจากเกิด สักปีที่ 13 การรับประทานวัคซีนต้านไวรัสตับอักเสบบีเบบหนึ่ง (Engerix®-B) ที่เพื่อนำเข้าจากต่างประเทศ ในสามวันแรกหลังจากการเกี่ยวข้องที่ไม่คาดคิดในที่ปฏิบัติตำรับใด ๆ ก็เป็นตัวแทนเสริมที่มีประสิทธิภาพพร้อมกับวัคซีนป้องกันอื่น ๆ
คำถามที่พบบ่อย
1. การติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีในผู้ตั้งครรภ์จะทำให้เกิดภาวะติดเชื้อในทารกหลังคลอดหรือไม่?
– ใช่, การติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีในผู้ตั้งครรภ์สามารถทำให้เกิดภาวะติดเชื้อในทารกหลังคลอดได้ ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อทารกในบางกรณี
2. เครื่องมือการตรวจวัคซีนต้านไวรัสตับอักเสบบีในผู้ทารกมีหรือไม่?
– เครื่องมือการตรวจการป้องกันวัคซีนต้านไวรัสตับอักเสบบีในผู้ทารกมีอยู่แล้ว สามารถรับประทานพร้อมกับวัคซีนทั่วไปที่ได้รับในช่วงเวลาแรกหลังการเกิด
3. การตรวจสอบการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีในผู้หญิงตั้งครรภ์ต้องทำอย่างไร?
– การตรวจการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีในผู้หญิงตั้งครรภ์สามารถทำได้โดยใช้เครื่องมือการตรวจตัวอย่างเลือด ซึ่งสามารถค้นหาตัวยาที่ส่งผลให้แสดงว่าผู้ป่วยติดเชื้อหรือไม่
4. วัคซีนต้านไวรัสตับอักเสบบีชนิดใดที่เหมาะสำหรับผู้หญิงตั้งครรภ์?
– วัคซีนต้านไวรัสตับอักเสบบีชนิดหนึ่งที่เหมาะสำหรับผู้หญิงตั้งครรภ์คือ Engerix-B ซึ่งสามารถรับประทานได้หลังจากเกิดเด็กสามวันแรก
5. การติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีสามารถละเมิดถึงทารกในครรภ์ได้หรือไม่?
– ใช่, การติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีสามารถละเมิดถึงทารกในครรภ์ได้ ซึ่งสามารถเกิดเป็นภาวะติดเชื้อตับอักเสบในทารกหลังคลอดได้
พบ 15 ภาพที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อ การ พยาบาล หญิง ตั้ง ครรภ์ ไวรัส ตับ อักเสบ.
ลิงค์บทความ: การ พยาบาล หญิง ตั้ง ครรภ์ ไวรัส ตับ อักเสบ.
ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโพสต์หัวข้อนี้ การ พยาบาล หญิง ตั้ง ครรภ์ ไวรัส ตับ อักเสบ.
- ตำแหน่งพยาบาลวิชาชีพ 7วช. (ด้านการพยาบาล) – สำนักการแพทย์
- แนวทางการดูแลหญิงตั้งครรภ์และทารก เพื่อป้อง
- โรคติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ ชนิดบี
- หญิงตั้งครรภ์กับไวรัสตับอักเสบบี | รพ.นครธน – Nakornthon
- แนวทางการดำเนินงานการป้องกันการถ่ายทอดเชื้
- ไวรัสตับอักเสบ บี แพร่ได้จากแม่สู่ลูก – โรงพยาบาลสินแพทย์
ดูเพิ่มเติม: https://maucongbietthu.com/category/after-hours/