ประมวล กฎหมายอาญา มาตรา 267
ที่มาและความสำคัญของมาตรา 267
มาตรา 267 ในประมวลกฎหมายอาญาคือตำแหน่งที่สำคัญและได้รับความสำคัญอย่างมากในการตรวจนับคดีอาญาในประเทศไทย มาตรานี้อธิบายขั้นตอนและกระบวนการในการตรวจนับคดีอาญา เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมและเพียงพอในการยืนยันคดี
วัตถุประสงค์และแนวคิดในการตรวจนับคดีตามมาตรา 267
วัตถุประสงค์หลักของการตรวจนับคดีตามมาตรา 267 คือเพื่อให้รับรองความถูกต้องและปริ้นท์สภาพจริงของคดีที่ถูกตรวจสอบ การตรวจนับคดีไม่เพียงแค่เป็นกระบวนการที่ใช้ในการนับคดีที่จะนำเสนอในศาลเท่านั้น แต่ยังเป็นกระบวนการสำคัญที่เป็นตัวชี้วัดความเป็นรองรับของระบบยุติธรรมในประเทศไทย
กระบวนการตรวจนับคดีอาญาตามมาตรา 267
ขั้นตอนการตรวจนับคดีอาญา
– การเตรียมห้องตรวจนับและอุปกรณ์ที่จำเป็น
– การเชื่อมต่อคดีกับบันทึกประจำวันของสโมสรสืบสวน
– การตรวจสอบคดีที่เชื่อมต่อ
หน้าที่และความรับผิดชอบของเจ้าพนักงานสอบสวนและเจ้าพนักงานสืบสวน
– เจ้าพนักงานสอบสวน: มีหน้าที่เป็นผู้สอบสวนเบื้องต้น เจ้าพนักงานต้องศึกษาคดีทั้งหมดให้ครบถ้วน เพื่อให้มีข้อมูลและฐานะเพียงพอสำหรับการตรวจนับคดี
– เจ้าพนักงานสืบสวน: มีหน้าที่อำนวยความสะดวกในการตรวจนับคดี และรวบรวมหลักฐานที่จำเป็นตามที่เจ้าพนักงานสอบสวนร้องขอ
การประชุมบันทึกประจำวันและการยืนยันผลการตรวจนับคดี
– เจ้าของคดีและเจ้าพนักงานสุจริตจะต้องร่วมประชุมเพื่อตรวจสอบคดีที่มีการตรวจนับ
– ผลการตรวจนับคดีจะถูกบันทึกไว้ในบันทึกประจำวันและต้องการยืนยันจากเจ้าหน้าที่
การจัดทำและการใช้งานบันทึกประจำวันตามมาตรา 267
วัตถุประสงค์และคุณลักษณะของบันทึกประจำวัน
– วัตถุประสงค์หลักของการจัดทำบันทึกประจำวันคือให้บันทึกข้อมูลที่สำคัญเกี่ยวกับการตรวจนับคดี
– คุณลักษณะที่ต้องการของบันทึกประจำวันคือต้องเป็นแบบฟอร์มที่เป็นระเบียบ เพื่อให้เกิดความเป็นระเบียบและเป็นธรรม
ขั้นตอนในการจัดทำและการอัปเดตบันทึกประจำวัน
– การจัดทำบันทึกประจำวันจะต้องเหมาะสมกับกระบวนการตรวจนับคดี โดยการรวบรวมข้อมูลสถิติที่จำเป็น เช่น จำนวนคดีที่ตรวจสอบได้ จำนวนคดีที่มีปัญหา เป็นต้น
– การอัปเดตบันทึกประจำวันจะต้องทำเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงและอัปเกรดในกระบวนการตรวจนับคดี
การใช้งานและการอ้างอิงบันทึกประจำวันในกระบวนการหาข้อเท็จจริง
– การใช้งานบันทึกประจำวันในกระบวนการหาข้อเท็จจริงคือการนำบันทึกประจำวันมาเป็นหลักฐานในการพิสูจน์คดี
– บันทึกประจำวันเป็นหลักฐานที่มีน้ำหนัก และมีความเป็นประกันสูงสำหรับการรับรองคดี
กระบวนการยืนยันผลการตรวจนับคดี
การพิจารณาความรับผิดชอบของเจ้าพนักงานสอบสวนและเจ้าพนักงานสืบสวน
– เจ้าพนักงานสอบสวนและเจ้าพนักงานสืบสวนต้องรับผิดชอบในการตรวจสอบและรายงานผลการตรวจนับคดี
– เจ้าพนักงานสอบสวนและเจ้าพนักงานสืบสวนต้องรับผิดชอบในความแม่นยำและเป็นธรรมในการตรวจนับคดี
หลักฐานที่ใช้ในการยืนยันผลการตรวจนับคดี
– หลักฐานที่ใช้ในการยืนยันผลการตรวจนับคดีคือแฟ้มคดีและบันทึกของเจ้าหน้าที่
การพิจารณาค่าใช้จ่ายและการแจ้งข้อความต่อผู้ต้องหาหรือผู้ถูกกล่าวหา
– การพิจารณาค่าใช้จ่ายจะอ้างอิงจากมาตรา 137 ในประมวลกฎหมายอาญา ซึ่งกำหนดให้ผู้ถูกกระทำความผิดต้องรับผิดชอบในค่าใช้จ่ายที่เกิดจากกระบวนการตรวจนับคดี
– กรณีที่มีการยืนยันผลการตรวจนับคดี จะต้องมีการแจ้งข้อคว
ประมวลกฎหมายอาญามาตรา267
คำสำคัญที่ผู้ใช้ค้นหา: ประมวล กฎหมายอาญา มาตรา 267 อาญา มาตรา 267, 268, ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268, มาตรา 267 อายุความ, ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137, มาตรา 137 อาญา อธิบาย, มาตรา 267 วิแพ่ง, อาญา มาตรา 266, มาตรา 269 อาญา
รูปภาพที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อ ประมวล กฎหมายอาญา มาตรา 267
หมวดหมู่: Top 60 ประมวล กฎหมายอาญา มาตรา 267
ดูเพิ่มเติมที่นี่: maucongbietthu.com
อาญา มาตรา 267, 268
อาญา มาตรา 267 และ 268 เป็นส่วนหนึ่งของกฎหมายอาญาไทยที่มีความสำคัญมากในการปรับปรุงความเป็นระเบียบและรักษาสันติภาพในสังคมไทย ในบทความนี้เราจะทบทวนรายละเอียดของมาตรา 267 และ 268 พร้อมคำอธิบายและตัวอย่างของคดีที่จับต้องตามมาตรายเกี่ยวข้อง นอกจากนี้ยังมีส่วนของคำถามที่พบบ่อยหลังการเสร็จสิ้นบทความเพื่อความเข้าใจที่เพิ่มขึ้นของผู้อ่าน
มาตรา 267 ตามกฎหมายอาญาไทย
มาตรา 267 กำหนดเกี่ยวกับการปะทะเคราะห์ของบุคคลที่ทำให้อีกบุคคลเสียชีวิต โดยได้มีเจตนาร้ายในการกระทำที่เป็นกฎหมาย ดังนั้นในกรณีที่ผู้ต้องหามีเจตนาร้ายและสร้างผลสะท้อนให้เกิดความเสียหายต่อผู้ตายหรือทรัพย์สินของผู้ตายก็ให้หมายความว่าเป็นการกระทำที่กล่าวในมาตรา 267
ตัวอย่างกับคดีที่ได้รับการตีความตามมาตรา 267: ในกรณีที่มีปะทะเกี่ยวข้องกับการขับขี่รถยนต์ ถ้าผู้ถือใบขับขี่การขับขี่รถยนต์ต้องสวมใส่ใบขับขี่ให้ถูกต้องและถูกต้องกฎหมาย เมื่อเจตนาร้ายแห่งการขับรถทำให้ต่อเนื่องจนถึงผลกระทบสะท้อนที่มาฆ่าคนตัวประสบชีวิตหรือทำให้เขาเสียชีวิต โดยผู้ถือใบขับขี่ปฏิบัติหน้าที่ที่ถูกร้องขอตามมาตรา 267
แต่ในกรณีที่ถ้าไม่มีการสวมใส่ใบขับขี่ให้ถูกต้องและถูกต้องกฎหมาย และผู้ที่โดยปจุบันเป็นคนดือที่ทำให้ผู้อื่นเสียชีวิต ในกรณีเช่นนี้เท่านั้นจึงไม่สามารถเข้าข่ายของมาตรา 267
มาตรา 268 ตามกฎหมายอาญาไทย
มาตรา 268 กำหนดเกี่ยวกับการทำให้ผู้อื่นบาดเจ็บส่งผลสะท้อนให้เกิดสาหัสชีวิต ดังนั้นการกระทำที่เป็นผลสุดท้ายสำหรับมาตรา 268 ต้องมีการกระทำที่หนักที่สุดเท่านั้นในขณะที่มาตรา 267 มีความหลากหลายขึ้น
ตัวอย่างกับคดีที่ถูกตีความตามมาตรา 268: เช่น ในกรณีที่มีการยิงปืนที่แตกต่างกันโดยไร้เหตุผลจากความสามารถจิตใจอาชญากรรม มักนิยมใช้มาตรา 268 เผื่อการมีความจำเป็นที่จะทำให้เกิดการบาดเจ็บที่เป็นอันตรายต่ออายุนิยมที่ยั่งยืน โดยหากคาดว่าความเข้มข้นของยิงจะส่งผลกระทบในทางชีวิตและสามารถสร้างความเสียหายได้เวลาหนึ่ง คดีนี้จะได้รับการพิจารณาตามมาตรานี้
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับมาตรา 267 และ 268
คำถาม 1: มาตรา 267 และ 268 ต่างกันอย่างไร?
คำตอบ: มาตรา 267 ระบุการปะทะเคราะห์ที่ทำให้อีกบุคคลเสียชีวิต ซึ่งผู้ต้องหาจะต้องมีเจตนาร้ายและสร้างผลสะท้อนให้เกิดความเสียหายต่อผู้ตายหรือทรัพย์สินของผู้ตาย ทว่าจะเป็นมาตรา 268 ต้องมีการทำให้ผู้อื่นบาดเจ็บส่งผลสะท้อนให้เกิดสาหัสชีวิต โดยมีการกระทำที่หนักที่สุดเท่านั้น
คำถาม 2: หากมีมรดกหรือความเท่าเทียมที่เกิดจากการกระทำที่เป็นผลกระทบจากมาตรา 267 หรือ 268 จะเกิดขึ้นอย่างไร?
คำตอบ: หากมีมรดกหรือความเท่าเทียมอาจเกิดขึ้นได้เช่น หนุ่มผู้เสียชีวิตจากการโดนตีถึงการก่อหรือเคาะขวางของผู้อื่นที่เป็นผลสำคัญจากมาตรา 267 หรือผู้หญิงที่เสียชีวิตจากการควบคุมและการถูกข่มขืนตามมาตรา 268
คำถาม 3: ทางกฎหมายอาญาจะพิจารณาเรื่องที่เกี่ยวกับการทำร้ายตนเองเป็นการฆ่าซ้ำอย่างไร?
คำตอบ: มาตรา 267 จะไม่นับรวมในการทำร้ายตนเองเป็นการฆ่าซ้ำ อย่างไรก็ตาม การทำร้ายตนเองอาจก่อให้เกิดความรกรุงรังทางจิตอาชญากรรมหรือคนอื่นๆในบ้าน ซึ่งอาจต้องพิจารณาตามมาตราอื่นเช่น มาตรา 305 (การกระทำทะเลาะวิวาท) หรือมาตรา 308 (สร้างปัญหาจิตอาชญากรรม)
คำถาม 4: มาตรา 267 และ 268 มีความเชื่อมโยงกับระบบการปรับอาญาหรือจำคุกอย่างไร?
คำตอบ: มาตรา 267 และ 268 เป็นมาตราที่เกี่ยวข้องกับระบบการตีความอาญา การกระทำที่ครอบคลุมตามมาตราเหล่านี้อาจทำให้ผู้ต้องหาต้องเผชิญความกังวลจากการตีความของกฎหมายอาญา และมีโอกาสตกทอดสังคม ซึ่งอาจมีการเรียกเก็บคดีและความผิดบุคคลภายนอกอีกด้วย ระบบการปรับอาญาหรือจำคุกขึ้นอยู่กับความเป็นระเบียบและผลกระทบของแต่ละคดี
ในสรุป มาตรา 267 และ 268 เป็นส่วนหนึ่งของกฎหมายอาญาไทยที่มีความสำคัญอย่างมากในการรักษาสันติภาพในสังคม คู่มาตราเหล่านี้ถูกออกแบบเพื่อให้ผู้จับสังคมรู้เห็นถึงความสำคัญของการปกป้องสิทธิและความปลอดภัยของบุคคลทั้งหมดอย่างเท่าเทียมกัน มาตรา 267 กำหนดการปะทะเคราะห์ที่สร้างผลสะท้อนต่อคนอื่นๆและสร้างความเสียหายต่อชีวิตหรือทรัพย์สิน ในขณะที่มาตรา 268 ควบคุมการทำให้ผู้อื่นบาดเจ็บจนเกิดสาหัสชีวิตและจะมีการกระทำที่หนักและเป็นอันตรายอย่างสูงเท่านั้น ฉะนั้นการใช้กฎหมายเหล่านี้ต้องได้รับการพิจารณาในกรณีโดยตลอด
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268
ในระบบกฎหมายอาญาของประเทศไทย มาตรา 268 เป็นข้อกำหนดที่กล่าวถึงการร้ายกาจผิดฤทธิ์บนท้องถนนและสร้างความเสื่อมเสียให้กับกลุ่มคนโดยปราศจากเหตุผลชอบดี ความผิดมาตรา 268 นี้เป็นอีกหนึ่งผู้กระทำความผิดที่ได้ร่ายจัดกลุ่มหรือเผชิญพลพร้อมกันเพื่อเรียกร้องสิทธิและผลประโยชน์ทางส่วนบุคคลอันเกียวข้อง
เนื่องจากประเทศไทยมีประชากรจำนวนมาก การเคลื่อนย้ายทางระหว่างท้องถนนก็เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง และอาจเกิดข้อปัญหาทางสังคมหรือปัญหาความเสียหายเกี่ยวกับพลเมืองรวมถึงทางเศรษฐกิจได้ ทั้งนี้อาจเป็นผลจากการท่องเที่ยวทางถนนเจ้าของรถผู้ขับขี่ที่เป็นอันตราย ภัยพิบัติจากการเกิดอุบัติเหตุ หรือการเปลี่ยนแปลงที่มีอยู่ในสภาพแวดล้อมหรือกฎหมาย
การร้ายกาจผิดฤทธิ์บนท้องถนนในมาตรา 268 หมายถึงการใช้ความรุนแรงหรือการประเทศกลุ่มคนอย่างไร้เหตุผลในที่สาธารณะหรือสถานที่สาธารณะ เช่น ทางถนน สาขาทาง, สถานีรถไฟ และอื่น ๆ โดยที่เป็นการบ้าคลั่งของคำว่า “ร้ายกาจ” หมายถึงการใช้ความรุนแรงหรือการกระทำที่ต้องการให้คนธรรมดาประหลาดใจหรือกลั่นแกล้งกัน ซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายกับกลุ่มคน
ในการประมวลกฎหมายอาญามาตรา 268 กำหนดไว้ว่า “หากใครกระทำเป็นเลขาภิชาติกลุ่มก้อง อักรังความเนื้อแผ่นดิน หยาบคาราธิปไตยถ้อยคำผิดกฎหมายหรือประมวลเพลิงความเสื่อมเสียให้กับกลุ่มคนโดยปราศจากเหตุผลชอบดี และเกิดความเสียหายต่อกลุ่มคน ในสถานที่สาธารณะ หรือสถานที่ที่สำคัญ เพื่อเรียกร้องสิทธิ อันเก็บรักษาและผลประโยชน์ทางส่วนบุคคลของกลุ่มคนนั้น ต้องระดมกลุ่มหรือเผชิญพลพร้อมกัน” มาตรานี้กำหนดว่าผู้กระทำความผิดต้องร่ายจัดกลุ่มหรือเผชิญพลพร้อมกันเพื่อเรียกร้องสิทธิและผลประโยชน์ทางส่วนบุคคลที่เกี่ยวข้อง
ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 268 ถือเป็นมาตราที่สำคัญในการคุ้มครองกลุ่มคนต่าง ๆ ที่เผชิญกับการกระทำที่รุนแรงและร้ายแรงจากคนอื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มที่มีความเป็นเด็กหรือผู้สูงอายุ ซึ่งส่วนใหญ่อาจจะไม่มีอำนาจหรือเสียงสากล่องในการปกป้องตัวเอง
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับมาตรา 268:
1. การกระทำใดถือเป็นการร้ายกาจผิดฤทธิ์บนท้องถนนและสร้างความเสียหายให้กับกลุ่มคน?
ในมาตรา 268 การกระทำที่มีความรุนแรงและร้ายแรงเช่น โจรกรรม การข่มขืน การลักลอบ, การลักพาตัวเด็กหรือผู้สูงอายุ เป็นต้น ถือว่าเป็นการร้ายกาจผิดฤทธิ์บนท้องถนนและสร้างความเสียหายให้กับกลุ่มคน
2. คำว่า “เสียหาย” ในมาตรา 268 หมายถึงอะไร?
คำว่า “เสียหาย” ในมาตรา 268 หมายถึงความสูญเสียทั้งทางการร่างกายและทางจิตใจ รวมถึงทรัพย์สิน ความสำคัญ หรือผลประโยชน์ทางส่วนบุคคลของกลุ่มคน
3. อายุขัยเพิ่มเติมในเบื้องต้นมาตรา 268 คืออะไร?
มาตรา 268 ไม่ระบุเป็นอายุขัยเพิ่มเติมในเบื้องต้น แต่ทางศาลอาญาอาจพิจารณามีการปรับเพิ่มเติมตามเงื่อนไขและความเห็นชอบคุณภาพทางสังคมของผู้กระทำความผิด
4. การร้ายกาจผิดฤทธิ์บนท้องถนนและสร้างความเสียหายให้กับกลุ่มคนในสถานที่สาธารณะหมายถึงอะไร?
การร้ายกาจและการสร้างความเสียหายให้กับกลุ่มคนในสถานที่สาธารณะหมายถึงการกระทำที่เกิดขึ้นในที่สาธารณะเช่น ทางถนน, สาขาทาง, สถานีรถไฟ หรือสถานที่ที่สำคัญทั่วไป ที่สร้างความเสียหายและความกระตือรือร้นต่อกลุ่มคน
5. สิทธิและผลประโยชน์ทางส่วนบุคคลที่เกี่ยวข้องในมาตรา 268 หมายถึงอะไร?
สิทธิและผลประโยชน์ทางส่วนบุคคลที่เกี่ยวข้องในมาตรา 268 หมายถึงสิทธิและผลประโยชน์ที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มคนที่ได้รับความเสียหายจากการกระทำร้ายกาจของผู้อื่น ที่ต้องการรับความคุ้มครองและความปกป้องส่วนบุคคลของตนเอง
อย่างไรก็ตาม การที่มีมาตราการร้ายกาจผิดฤทธิ์บนท้องถนนและสร้างความเสียหายให้กับกลุ่มคนในตำรวจพบเห็น และตัดสินใจเร็วเพื่อให้กลุ่มคนด์สิทธิและผลประโยชน์ทางส่วนบุคคลของตนเสมอไปและรวมถึงความเป็นสากล่องของกลุ่มคนที่ใจเยาะเย้ยที่สำคัญ
มาตรา 267 อายุความ
ในมาตรา 267 อายุความบังคับใช้แบ่งออกเป็นสามส่วนหลัก ๆ ตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ตามนี้เป็นคำอธิบายของแต่ละส่วน:
1. ไม่ถึงอายุ 7 ปี – แบบไม่สามารถปรับให้ผู้กระทำความผิดได้
หากผู้กระทำความผิดอายุน้อยกว่า 7 ปี ไม่ว่าจะเป็นการกระทำความผิดใด ๆ ก็ตาม มาตรา 267 กำหนดว่าไม่มีเงื่อนไขใดที่สามารถเรียกให้เกิดผลของความผิดใด ๆ กับผู้กระทำความผิดในกรณีนี้ สถานการณ์เหล่านี้จะถูกพิจารณากันเป็นการตกเป็น “เหตุด้วยกันเอง”
2. อายุความระหว่าง 7-12 ปี – แบบสามารถปรับให้ผู้กระทำความผิดได้ตามสมควร
ในกรณีที่ต้องพิจารณาผู้กระทำความผิดที่มีอายุระหว่าง 7-12 ปี กฎหมายได้กำนดเกณฑ์ที่ต้องคำนึงถึงองค์ประกอบทางจิต และจำนวนปีที่ผ่านมา ซึ่งความผิดที่เกิดขึ้นจะเป็นไปตามบทบัญญัติภายใต้คำพิพากษาที่เห็นว่าเหมาะสมกับการกระทำความผิดที่ผู้กระทำความผิดได้กระทำ
3. อายุความมากกว่า 12 ปี – แบบสามารถปรับความผิดและการโทษได้ตามกฏหมาย
สำหรับผู้กระทำความผิดที่มีอายุมากกว่า 12 ปี กฎหมายจะปรับความผิดให้สอดคล้องกับความผิดที่กระทำเป็นระยะเวลาที่ผู้กระทำความผิดมีอายุบังคับใช้และปรับที่มาได้โดยการพิจารณาความผิดรวมกับปัจจัยต่าง ๆ ทั้งทางข้อหาและทางบุคคลภายนอกที่มีผลกระทบต่อผู้กระทำความผิด
และตอนนี้เรามาเข้าสู่ส่วน FAQ (Frequently Asked Questions – คำถามที่ถามบ่อย) เพื่อให้คุณอ่านและเข้าใจเพิ่มเติมเกี่ยวกับมาตรา 267 อายุความ:
คำถามที่ 1: มาตรา 267 มีผลกับผู้กระทำความผิดเท่านั้นหรือไม่?
ตอบ: เนื่องจากมาตรา 267 เกี่ยวข้องกับอายุความเท่านั้นซึ่งเป็นอายุที่ต้องคำนึงถึงเมื่อผู้กระทำความผิดเป็นเด็ก การตัดสินใจจะขึ้นอยู่กับเกณฑ์และกรณีที่เกี่ยวข้องกับวินัยและการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของเด็กโดยเฉพาะ
คำถามที่ 2: ภายใต้สถานการณ์ไหนที่อายุความที่ 13 ปีและ 10 เดือนถือว่าสามารถนำมาใช้ตามมาตรา 267 ได้?
ตอบ: ภายใต้สถานการณ์ที่พบอายุความเข้าใจและจิตใจของผู้กระทำความผิดมีต่ำกว่าเกณฑ์ที่กำหนด คณะผู้พิพากษาอาจพิจารณาตามวิธีการที่สอดคล้องกับบทบัญญัติเหล่านั้นโดยการให้การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม แทนการกำหนดโทษตามกฎหมาย
คำถามที่ 3: มาตรา 267 มีผลต่อผลการศึกษาและอาชีพอนาคตของผู้กระทำความผิดหรือไม่?
ตอบ: ขึ้นอยู่กับความเข้าใจและบทบาทของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง การกระทำความผิดที่ต้องคำนึงถึงอายุความอาจส่งผลกระทบต่อการศึกษาและอาชีพของผู้กระทำความผิดในอนาคต อย่างไรก็ตาม การสนับสนุนและการสอบถามในเชิงให้คำปรึกษาทางจิตอาจช่วยในการรับมือกับผลกระทบดังกล่าว
อีกครั้ง มาตรา 267 อายุความเป็นแนวทางปฏิบัติที่ควรใช้ในกรณีเด็กผู้กระทำความผิด โดยความสำคัญของการพิจารณาเน้นไปที่การพัฒนาของเด็กและการปรับใช้วินัยเพื่อให้เกิดผลเปลี่ยนแปลงที่ดีแก่เด็กเช่นกัน ในกรณีนี้ เป้าหมายของมาตรา 267 คือการช่วยให้เด็กเล็กมีโอกาสพัฒนาและแก้ไขพฤติกรรมผิดให้ดีขึ้นโดยไม่จำเป็นต้องใช้วิธีการทางกฎหมายผ่านกระบวนการศาลในระยะยาว
มี 45 ภาพที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อ ประมวล กฎหมายอาญา มาตรา 267.
ลิงค์บทความ: ประมวล กฎหมายอาญา มาตรา 267.
ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโพสต์หัวข้อนี้ ประมวล กฎหมายอาญา มาตรา 267.
- ความผิดฐานแจ้งให้เจ้าพนักงานจดข้อความอันเป็นเท็จโทร …
- มาตรา 267 | ประมวลกฎหมายอาญา | – นิติศาสตร์ ทนายความ เนติบัณฑิต
- มาตรา 267 แห่งประมวลกฎหมายอาญา
- ประมวมลกฎหมายอาญา มาตรา 267 – ทนายความเชียงใหม่
- แจ้งให้เจ้าพนักงานจดข้อความอันเป็นเท็จ – athiwatLawyer.com
- เรื่องที่ 21 แจ้งความเท็จเป็นไงครับ คำถามจากเทศบาลตำบลนางรอง
- ดูฎีกา – ความผิดเกี่ยวกับเอกสาร แจ้งให้เจ้าพนักงานจดข้อความอันเป็น …
- แจ้งความเท็จโฉนดที่ดินหาย
- เลขที่ฎีกา 1331/2516 โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกระทำความผิดตาม …
- เมื่อถูกเอาชื่อออกจากกรรมการอย่างไม่เป็นธรรมจะจัดการอย่างไร
ดูเพิ่มเติม: https://maucongbietthu.com/category/after-hours/