รับเงินคืนภาษี: วิธีการและเคล็ดลับการคืนเงินที่ไม่ซับซ้อน

1. เงื่อนไขการขอเงินคืนภาษี

การขอเงินคืนภาษีเป็นกระบวนการที่สำคัญในการเก็บรักษาเงินที่ได้จากการชำระภาษีของผู้เสียภาษี ซึ่งมีเงื่อนไขหลายอย่างที่ผู้เสียภาษีต้องปฏิบัติตาม เพื่อให้สามารถขอรับเงินคืนภาษีได้อย่างถูกต้องตามกฎระเบียบที่กำหนด นี่คือเงื่อนไขการขอเงินคืนภาษีที่สำคัญ:

– การชำระภาษี: ผู้ขอเงินคืนภาษีจะต้องเป็นผู้เสียภาษีที่ได้ชำระภาษีในปีภาษีที่ขอเงินคืน โดยจำนวนที่ชำระภาษีต้องถูกต้องและแสดงถึงความถูกต้องในการยื่นขอเงินคืนภาษี
– การบันทึกข้อมูล: ผู้เสียภาษีต้องรักษาและบันทึกข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการชำระภาษีอย่างแม่นยำ รวมถึงใบเสร็จรับเงิน ใบเสร็จรับเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์ หรือรายงานการชำระภาษี
– การเผยแพร่ข้อมูล: ผู้เสียภาษีควรตรวจสอบและอัปเดตข้อมูลส่วนตัวของตนในระบบที่เกี่ยวข้องกับการขอรับเงินคืนภาษี

2. ขั้นตอนการยื่นคำร้องขอเงินคืนภาษี

การยื่นคำร้องขอเงินคืนภาษีมีขั้นตอนที่ต้องปฏิบัติตาม ต่อไปนี้คือขั้นตอนการยื่นคำร้องขอเงินคืนภาษี:

1. เข้าสู่ระบบ: เข้าสู่ระบบทางอินเทอร์เน็ตของกรมสรรพากรที่เกี่ยวข้อง เช่น www.rd.go.th- e-refund สอบถามการคืนภาษี
2. ตรวจสอบสิทธิการขอเงินคืนภาษี: ตรวจสอบว่าผู้ขอเงินคืนภาษีมีสิทธิ์สำหรับการขอเงินคืนภาษีหรือไม่ โดยต้องกรอกข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลทางการเงินเพื่อพิจารณา
3. กรอกแบบฟอร์มคำร้องขอเงินคืนภาษี: กรอกแบบฟอร์มคำร้องขอเงินคืนภาษีให้ถูกต้องและสมบูรณ์ โดยระบุข้อมูลที่เกี่ยวข้องเช่นรายละเอียดการชำระภาษี ปีภาษี เป็นต้น
4. แนบเอกสาร: แนบเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการขอเงินคืนภาษี เช่นสำเนาบัตรประชาชน สำเนาหนังสือเดินทาง ใบเสร็จรับเงิน หรือเอกสารอื่นๆ ตามที่กำหนด
5. ตรวจสอบข้อมูล: ตรวจสอบและยืนยันข้อมูลที่กรอกในแบบฟอร์มคำร้องขอเงินคืนภาษีว่าถูกต้องและเป็นความจริง
6. ยืนยันคำร้อง: ยืนยันคำร้องขอเงินคืนภาษีโดยคลิกที่ปุ่มส่งคำร้อง และรอการตรวจสอบจากระบบ

3. วิธีการกรอกแบบฟอร์มขอเงินคืนภาษี

การกรอกแบบฟอร์มขอเงินคืนภาษีเป็นกระบวนการที่ค่อนข้างง่ายและสามารถทำได้ด้วยตนเอง ตามขั้นตอนดังนี้:

1. เข้าสู่ระบบ: เข้าสู่ระบบทางอินเทอร์เน็ตของกรมสรรพากรที่เกี่ยวข้อง เช่น www.rd.go.th- e-refund สอบถามการคืนภาษี
2. เลือกแบบฟอร์ม: เลือกแบบฟอร์มคำร้องขอเงินคืนภาษีที่เหมาะสมกับสถานะของผู้ขอเงินคืนภาษี และดาวน์โหลดแบบฟอร์มที่เกี่ยวข้อง
3. กรอกข้อมูล: กรอกข้อมูลส่วนตัวและข้อมูลเพิ่มเติมที่เกี่ยวข้องในแบบฟอร์ม โดยระบุถึงรายละเอียดการชำระภาษี ปีภาษี เป็นต้น
4. ตรวจสอบข้อมูล: ตรวจสอบและยืนยันข้อมูลที่กรอกในแบบฟอร์มว่าถูกต้องและเป็นความจริง
5. แนบเอกสาร: แนบเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการขอเงินคืนภาษี เช่นสำเนาบัตรประชาชน สำเนาหนังสือเดินทาง ใบเสร็จรับเงิน หรือเอกสารอื่นๆ ตามที่กำหนด
6. ตรวจสอบและยืนยัน: ตรวจสอบและยืนยันข้อมูลทั้งหมดในแบบฟอร์ม ก่อนที่จะส่งคำร้องขอเงินคืนภาษี

4. เอกสารที่ต้องแนบกับคำร้องขอเงินคืนภาษี

การขอรับเงินคืนภาษีมักจะต้องแนบเอกสารที่เกี่ยวข้องเพื่อยืนยันความถูกต้องของข้อมูลที่ได้ระบุในแบบฟอร์มคำร้องขอเงินคืนภาษี นี่คือเอกสารที่อาจจะต้องแนบ:

– สำเนาบัตรประชาชนหรือหนังสือเดินทาง: เพื่อยืนยันความถูกต้องของตัวตนของผู้ขอเงินคืนภาษี
– ใบเสร็จรับเงิน: เอกสารที่แสดงถึงการชำระภาษี เช่นใบเสร็จรับเงิน ใบเสร็จ

ระยะเวลาในการได้รับเงินคืนภาษี

ปกติแล้วทางกรมสรรพากรจะดำเนินการคืนเงินภาษี ภายใน 3 เดือน กรณีมีเอกสารชัดเจนแสดงว่า ได้มีการเสียภาษีไว้เกิน ผิด ซ้ำหรือไม่มีหน้าที่ต้องเสีย นับแต่วันที่ได้รับคำร้องขอคืนเงินภาษีด้วยแบบ ภ.ง.ด.90 ภ.ง.ด.91 ที่แจ้งความประสงค์ขอคืนเงินภาษี (ค.10)ยื่นขอคืนภาษีย้อนหลังได้ที่ไหน

การยื่นขอคืนภาษีย้อนหลัง ไม่สามารถยื่นผ่านออนไลน์ ต้องไปยื่นที่สำนักงานสรรพากรพื้นที่เท่านั้น โดยต้องเตรียมเอกสารแสดงรายได้ เอกสารหลักฐานขอลดหย่อนภาษี เช่น หนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่ายตามมาตรา 50 ทวิ1. ฝากเงินหรือรับเงินด้วยการโอน 3000 ครั้งต่อปีต่อหนึ่งธนาคาร อาจเข้าข่ายต้องชี้แจงการเสียภาษีหรือที่มาของการรับเงิน 2. ถ้าไม่ถึง 3000 ครั้ง แต่ฝากหรือรับโอนเข้าบัญชี รวมทุกบัญชีใน 1 ธนาคาร 400 ครั้งต่อปีและยอดเงินรับรวม 2 ล้านบาทต่อปี ธนาคารก็ต้องส่งข้อมูลให้สรรพากรด้วยเช่นกัน

ได้รับเงินคืนภาษีภายในกี่วัน

50 ทวิขอเงินคืนได้ไหม

รับโอนเงินต้องเสียภาษีไหม

ขอคืนภาษี 2564 ใช้เวลา กี่ วัน

รวบรวม 8 รับ เงิน คืน ภาษี