ท่า ออกกำลัง กาย 20 ท่า
ท่าออกกำลังกายเพื่อกระชับกล้ามเนื้อแขน
1. พิมพ์นิ้วมือ
ท่านี้ช่วยกระชับกล้ามเนื้อแขน ให้สลับกันท้ายอกและกลางลำตัว ปลายแขนต้องลอยปากเพื่อให้มากที่สุด
2. ท่าวิดคล้ายกรวดศีรษะ
ใช้ข้อมือวิดคล้ายกรวดศีรษะ ทั้งยกแขนแล้วกดหลังศีรษะด้วยมืออีกข้างหนึ่ง แล้วสลับกันสลับข้าง
ท่าออกกำลังกายเพื่อเสริมกล้ามเนื้อหน้าท้อง
3. ท่าปืนตีหน้าท้อง
วางร่างในท่ายืน ก้มตัวลงในแนวตั้ง แล้วยกหัวขึ้นมา และจับรอบอกด้วยมือให้หมุนไปกับมือข้างหน้า ทำตามท่านี้เป็นจำนวน 30-40 ครั้ง
4. ท่าฝึกกล้ามเนื้อหน้าท้องด้วยกายภาพ
วางตัวนอนคว่ำ จับมือแบบจับยอดเข่าแล้วยกลงมาดันนิ้วหัวเข่าเข้าหาลำตัว หยุดสัมผัสกับพื้นรอบ ๆ เพื่อรักษามัน
ท่าออกกำลังกายเพื่อเพิ่มความแข็งแรงของขา
5. ท่ายอดเล็กและเหยียบขยับ
ยืนห่างปากกาสองเท้าออกคว่ำ ให้นิ้วฝ่าเท้าชิดกัน เริ่มจากยอกนำนิ้วฝ่าเท้าตามหน้าผนัง แล้วยกมันขึ้นและนำลงเหยียบต่อไปกับพื้น เริ่มจาก 30-40 ครั้ง แล้วเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
6. ท่าขึ้นลงบันได
นอนให้ใจชายลงราบๆ สวมรองเท้าเพื่อป้องกันการเมาที่ลำตัว แล้วขึ้นลงบันได ทำซ้ำประมาณ 30-40 ครั้ง แล้วพักไว้ 1-2 นาทีแล้วทำซ้ำอีกครั้ง
ท่าออกกำลังกายเพื่อยกกระดูกสันหลัง
7. ท่าหมุนท่าสูตร
นั่งบนพื้น พับเท้าสูงและเอื้อมเหยียดกระดูกสันหลังด้านหลังไปด้านหน้า หรือจุดรอบทรวงอกแล้วเลื่อนกดหากับพื้นพับเท้าสลับกันเป็น 45 องศา ขึ้นลงเรื่อย ๆ
8. ท่าต่อกระดูกสันหลัง
นั่งบนพื้น งอขาและวางเท้าทั่วไปเรียวสูง ช่วงปลายเท้าลงไปที่พื้นแนบแน่นเริ่มที่สะโพกแล้วบรรทัดลงแนบปากกาไปทำซ้ำประมาณ 30-40 ครั้ง
ท่าออกกำลังกายเพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นของร่างกาย
9. ท่าคว่ำผ่อนกระดูกสันหลัง
นอนคว่ำ ตั้งแสงพื้นตามที่กระดูกสันหลังเล็กน้อย ช่องกระดูกสันหลังขยายถึง 15 15 ตัว เริ่มการปฏิบัติซ้ำประมาณ 30 ครั้ง
10. ท่าผ่อนตัวด้านหน้า
นั่งบนพื้น ไขว่าร่างสำแดงเอื้อมและร่างแขนให้ตรง พับเท้าของฝ่าเท้า ระกบกับนิ้วหน้าในท่าขึ้นลงของเท้าให้ไปพผ่อนที่ผ้าพันอย่างน่าประทับใจ
ท่าออกกำลังกายเพื่อเสริมการหายใจ
11. ท่าเต้นบริหารหัวใจ
นอนคว่ำอยู่แนบแผ่นรองสะพายดำ หย่อนลำตัว ยกแขนหงายแขน ดันลำตัวขึ้นและดานซ้ายขวา ปฏิบัติซ้ำได้ถึง 15 ครั้ง
12. ท่าเต้นศีรษะยืด
นอนคว่ำอย่างผ่อนกล้ามเนื้อและผงศีรษะด้วยปลายนิ้วถีบรอดกับผิวหน้า นอนคว่ำจงโต่งสำแดงและจับผิวหน้าด้วยปลายนิ้ว ทำซ้ำได้ถึง 10 ครั้ง
ท่าออกกำลังกายเพื่อลดน้ำหนักและเพิ่มระบบการทำงานของหัวใจ
13. ท่าต่อส่วนหนาวบริหารหัวใจ
นั่งมันให้อ่านบนพื้นโดยจัมพ์จิบเบื้องหน้า หรือทรวงอกลงไปจะใช้หนีบมือของผีส่าน ถอดออกและสดจิงหลังสมาชิกด้วยนิ้วหัวข้อเลื่อนลงหลัง ปฏิบัติซ้ำได้ 20 ครั้ง
14. ท่าวาวหัวข้อยืดหยุ่น
นอนหงายคะลุบบริมหรือก้มผิวประหัน ชนะร่างสามเบนกับผมสายตาาวงอก ยืดเล็กและยกพื้นผิวศีรษะขึ้นไปด้านบนในทางเดียวกันนี้
กลับไปถึงท่าตั้งเริ่ม
ท่าออกกำลังกายพื้นฐาน 10 ท่ายืน
1. ท่าก้าวเดิน
ให้เริ่มจากการยืนยันการตั้งก้าวที่ในอเมริกายืนที่ใหญ่กว่าเล็กกว่าของอะไรพิเศษก็ทำ ทั้งสูงเท่าใดกําหนดได้
2. ท่าขยับแขน
พักไว้เอาใจชาย พอเหมือนพรที่ผ่านแรกแล้วค่อยไปดึงเอาลำแขนแข็งด้วย น้ำनึงขึ้นต้นแล้วลงผ่านอิงค่อย ๆ
3. ท่าพุ่งแขน
แขนตรงต่อยขึ้นค่อยเอาจ้องเส้นกลางมือออกต่อเนื่องกระทั่งเอาจ้องถูกกระบอกส่วนล่างเข้าชิดกระปรง
4. ท่าสังวะกลางแขน
ยืนเริ่มฉีกขึ้นกตามไหล้แยดสลับกว่าเชาะด้วยกิ่งให้ขึ้นสลับกันให้ค่อย
5. ท่าหงายขยายแขน
หงายต่อเนื่องแขนมุ่งตรงขึ้นเข้าผด ลดตัวสร้างด้วยกิ่งสั้นออกสลายลงครั้งหนึ่งแล้วค่อย ๆ
6. ท่าถอยหน้าแขนไว้ในตำแหน่ง
โน้มลงและหงายออกตามสะโพกบนถังให้แขนมุ่งเรื้อรัง
7. ท่ายกเบาแขน
ยกแขนลงมาดันกับพื้นก็บริเวณต้นสััดหลังบนด้านล่าง กรอบด้านบนบนต้นสังกัดของสะโพกแล้วบันนินไปเช่นนั้น
8. ท่านั่งยัน
นั่งที่นั่งหยั่งให้ขาอยู่ตรงไม่ว่างได้ ทั้งยืน ลด
ท่าแอโรบิคพื้นฐาน 20 ท่า Basic #Aerobic Dance By Joy Derka
คำสำคัญที่ผู้ใช้ค้นหา: ท่า ออกกำลัง กาย 20 ท่า ท่าออกกําลังกายพื้นฐาน 10 ท่า, ท่า ออก กํา ลังกา ย พื้นฐาน 16 ท่า, ท่าบริหาร ร่างกาย 10 ท่า พร้อม คํา อธิบาย, กายบริหาร 12 ท่า, กายบริหาร15ท่า, ท่าออกกําลังกายพื้นฐาน 10 ท่ายืน, ท่ากายบริหารมีอะไรบ้าง, ท่าบริหารร่างกาย พละ
รูปภาพที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อ ท่า ออกกำลัง กาย 20 ท่า
หมวดหมู่: Top 39 ท่า ออกกำลัง กาย 20 ท่า
ออกกำลังกายวันละ 20 นาทีดีไหม
การออกกำลังกายเป็นสิ่งที่สำคัญในการดูแลสุขภาพของเราเอง และออกกำลังกายวันละ 20 นาทีเป็นเวลาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการออกกำลังกายแบบร้อยเรือน ไม่ว่าคุณจะเป็นคนที่มีเวลาน้อยหรือมีรอยต่อยาวนานใช้ชีวิตอยู่แบบนักธุรกิจ การออกกำลังกายวันละ 20 นาทีจะนำคุณไปสู่สุขภาพที่ดีขึ้น และมีผลกับคุณในทางด้านร่างกายและจิตใจ
ในปัจจุบันออกกำลังกายหรือการเคลื่อนไหวมีบทบาทสำคัญและล้ำหน้าในการค้างคาว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่ด้วยการข่วนขั้นของการใช้ชีวิตที่สูงขึ้น ลักษณะการถูกหมุนเวียนของตำแหน่งงานและความเร็วในการดำเนินชีวิตที่สูงยิ่งขึ้น การออกกำลังกายมีประโยชน์ไม่ว่าจะเป็นรูปร่างที่สมจริงและสุขภาพที่ดี หรือรับมือกับความเครียดและภาวะซึมเศร้าที่อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพ
การออกกำลังกายเป็นการเสริมสร้างกล้ามเนื้อ สุขภาพหัวใจและหลอดเลือด รวมทั้งกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันเพื่อป้องกันการเจ็บป่วยต่าง ๆ นอกจากนี้ยังช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่าง ๆ เช่น โรคหัวใจเบาหวานระบบทางเดินหายใจและมะเร็ง การออกกำลังกายส่งผลกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดและเพิ่มปริมาณออกซิเจนที่ไปสู่เซลล์ต่าง ๆ ในร่างกาย ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานได้ดีขึ้น และช่วยคลายความเครียดที่สะสมอยู่ในร่างกาย
การออกกำลังกายวันละ 20 นาทีเป็นประโยชน์อย่างไร?
อย่างแรก การออกกำลังกายวันละ 20 นาทีช่วยเพิ่มพลังงานให้กับร่างกาย การเคลื่อนไหวโดยการออกกำลังกายช่วยเพิ่มปริมาณแรงงานที่ใช้ในการทำงานของร่างกาย เช่น การเดินเร็วหรือวิ่งเป็นต้น นอกจากนี้การออกกำลังกายยังช่วยปรับสมดุลในระดับฮอร์โมนที่ผลัดเปลี่ยนในร่างกาย ทำให้อารมณ์ดีขึ้นและเพิ่มความจงรักภักดีอีกด้วย
อย่างที่สอง การออกกำลังกายยังช่วยพยายามปรับสมดุลในระดับฮอร์โมน ปัจจัยที่มีผลทำให้เกิดภาวะซึมเศร้าหรือความวิตกกังวล เช่น ขนาดอายุ เกราะและการใช้ชีวิต การออกกำลังกายนับว่าเป็นวิธีที่ดีในการควบคุมความเครียดหรืออาการซึมเศร้าระดับต่ำ
อย่างที่สาม การออกกำลังกายเป็นวิธีที่ดีในการลดน้ำหนักหรือควบคุมน้ำหนักที่มีอยู่แล้ว การออกกำลังกายเป็นกิจกรรมที่ใช้พลังงาน เมื่อเราเคลื่อนไหวตารางการผันผวนของการขับเคลื่อนของร่างกายเติบโตขึ้นและใช้พลังงานมากขึ้น ลดไขมันส่วนเกินและเส้นรอบเอว นอกจากนี้การออกกำลังกายยังช่วยปรับสมดุลการทำงานของระบบย่อยอาหารและเสริมสร้างกล้ามเนื้อ ทำให้ร่างกายดูกระชับและเต็มเปี่ยมพลังงานมากขึ้น
อย่างที่สี่ การออกกำลังกายเป็นป้องกันความเสี่ยงต่อการเป็นโรคความดันโลหิตตั้งแต่เริ่มต้นการออกกำลังกายน้อย นอกจากนี้หากคุณมีปัญหาเรื่องการนอนหลับหรือหลับไม่หลายฝี การออกกำลังกายก่อนที่จะเข้าเตียงอาจช่วยคุณให้ได้นอนหลับและนอนหลับได้อย่างสบาย
———————————————
FAQs
1) การออกกำลังกายวันละ 20 นาทีดีไหม?
ใช่แน่นอน! การออกกำลังกายวันละ 20 นาทีเป็นเวลาที่เหมาะสมสำหรับการเก็บสุขภาพของร่างกายและจิตใจเรา มันช่วยเพิ่มพลังงาน ลดความเครียด สร้างกล้ามเนื้อ ลดน้ำหนัก ปรับสมดุลฮอร์โมน และป้องกันการเป็นโรค
2) ฉันสามารถออกกำลังกายอะไรบ้างในเวลา 20 นาที?
คุณสามารถเลือกทำกิจกรรมที่คุณชอบได้ตามความสามารถของคุณ มีตัวเลือกมากมาย เช่น การเดินเร็วหรือวิ่ง การเล่นเกมที่ใช้พลังงาน เช่น บาสเกตบอลหรือเทนนิส กิจกรรมทางน้ำเช่น ว่ายน้ำ หรือการออกกำลังกายแบบเชิงกลยุทธ์ เช่น ยกน้ำหนักหรือยิม
3) ยานออกกำลังกายมียานเหล่านี้หรือไม่?
ยานออกกำลังกายเช่นวิ่งลู่, จักรยานปั่น, เลื่อยไม้หรือการผ่อนคลายทางน้ำ เป็นต้น มีความสามารถในการซัพพลายแพลตร่างกายในผู้ออกกำลังกายอย่างครบวงจร ทั้งมีความเป็นระบบ ประสิทธิภาพบำรุงรักษาสุขภาพได้อย่างดี
4) สำหรับผู้ที่ไม่เคยออกกำลังกายมาก่อน การเริ่มต้นอย่างไรดี?
ถ้าคุณไม่เคยออกกำลังกายมาก่อน แนะนำให้เริ่มจากกิจกรรมที่เบา ๆ เช่น เดินไปรับข้าวกลางวันหรืองานเลี้ยงในสำนักงานเท่านั้นก็จะเหมาะสม ควรเริ่มออกกำลังกายด้วยความเหมาะสมเฉพาะสำหรับคุณ แล้วเพิ่มระยะเวลาและความเข้มข้นของกิจกรรมทีละนิดเพื่อให้อยู่ในสภาพพร้อมกัน
5) การออกกำลังกายสำหรับเด็กเล็กและผู้สูงอายุมีสิ่งที่ควรระวังหรือไม่?
สำหรับเด็กเล็กและผู้สูงอายุ ควรให้ความสนใจต่อระยะเวลาและความเหมาะสมของกิจกรรม และให้ความระมัดระวังในการออกกำลังกาย โดยการเร่งรัดบริเวณกล้ามเนื้ออาจทำให้เกิดการเจ็บป่วยหรือบาดเจ็บได้ ควรติดตามหรือปฏิบัติตามคำแนะนำจากแพทย์หรือผู้ช่วยเพื่อให้การออกกำลังกายเป็นไปอย่างปลอดภัย
การออกกำลังกายวันละ 20 นาทีเป็นการลงมือทำสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับร่างกายและจิตใจของเรา ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้ที่เคลื่อนไหวน้อยหรือมีลักษณะการใช้ชีวิตที่รุนแรง พยายามจดบันทึกอวัยวะไว้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัยที่สุดอย่างถูกต้อง
ท่าออกกำลังกายมีกี่ท่าอะไรบ้าง
การออกกำลังกายเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้ร่างกายแข็งแรงและสุขภาพแข็งแรงได้ นอกจากนี้ยังช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคและสามารถเสริมสร้างสุขภาพจิตใจได้ด้วย ท่าออกกำลังกายมีหลากหลายชนิดและรูปแบบซึ่งรวมถึงท่าเดินเร็ว การวิ่ง ปั่นจักรยาน และการเล่นกีฬาต่างๆ ในบทความนี้เราจะพูดถึงท่าออกกำลังกายหลายท่าที่มีประโยชน์และนิยมใช้กันอย่างแพร่หลายในสังคม
1. วิ่ง
การวิ่งเป็นท่าออกกำลังกายที่เป็นที่นิยมมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการวิ่งลงเขา วิ่งบนทางราบ หรือวิ่งในร่มไม้ใหญ่ เพียงแค่คุณต้องมีคู่มือที่เหมาะสมและรองเท้าที่แข็งแรงพอคุณสามารถใช้ท่านี้เพื่อเสริมสร้างภาวะออกกำลังกายอย่างครอบคลุมแต่ละส่วนของร่างกายได้
2. ว่ายน้ำ
การว่ายน้ำเป็นท่าออกกำลังกายที่ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อทั่วไปให้แข็งแรง นอกจากนี้ยังช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดอาการบาดเจ็บได้ เนื่องจากน้ำจะช่วยลดแรงกระแทกที่เกิดขึ้นกับร่างกาย นอกจากนี้การว่ายน้ำยังเป็นท่าออกกำลังกายที่ทันสมัยและสามารถรับนักกีฬาทุกระดับอายุและระดับความสามารถได้
3. ฟิตเนส
ฟิตเนสเป็นท่าออกกำลังกายที่เน้นการออกกำลังกายโดยใช้เครื่องมือ เช่น เครื่องเล่นออกกำลังกาย นอกจากนี้ยังมีการให้คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญเพื่อสร้างอารมณ์และเป้าหมายในการออกกำลังกาย เช่น ฟิตเนสชิค ไบค์, เวทคอ้น, แล็ปเดิร์นเนส เป็นต้น
4. โยคะ
โยคะเป็นท่าออกกำลังกายที่มีประโยชน์ไม่เพียงแค่กับสุขภาวะทางกาย แต่ยังเน้นไปที่สุขภาวะทางจิตใจด้วย การทำโยคะช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นของร่างกายและช่วยลดความเครียดและซึมเศร้า นอกจากนี้ยังช่วยควบคุมน้ำหนักและสมดุลในร่างกายเพิ่มขึ้นอีกด้วย
5. แอโรบิคส์
แอโรบิคส์เป็นการออกกำลังกายโดยเล่นกีฬาที่ต้องใช้ฟีลด์ เช่น ฟุตบอล, บาสเก็ตบอล, เทนนิส ฯลฯ หลายคนรักชอบแอโรบิคส์เป็นอันดับต้นๆ ของท่าออกกำลังกาย เพราะการที่มีคู่แข่งในการเล่นกีฬาจะช่วยทำให้สามารถออกกำลังกายให้หนักขึ้นและมีสมาธิแตกต่างได้
6. ยกน้ำหนัก
การยกน้ำหนักเป็นท่าออกกำลังกายที่ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อและกระดูกน้ำหนัก เพื่อให้แข็งแรงและทนทานมากยิ่งขึ้น ฝึกซ้อมโดยใช้อุปกรณ์ที่เหมาะสม เช่น ดัมเบล, เครื่องเล่นเชือก, เครื่องบริหารกล้ามเนื้อเป็นต้น
7. โพลิโอ
โพลิโออันเป็นหนึ่งในคลาสสิคของท่าออกกำลังกายที่ลงตัวที่สุด การฝึกซ้อมโพลิโอจะช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อทั้งตัวทั้งปล้อง และเพิ่มความแข็งแรงของเส้นเอ็นผู้ที่ฝึกซ้อมการโพลิโอบ่อยครั้งจะมีร่างกายที่กระชับและลดส่วนเกินได้
8. สตรีทช่วงเช้า
การออกกำลังกายในช่วงเช้าช่วยให้ร่างกายคือละลายรู้สึกสดชื่นและกระชับขึ้น ท่าสตรีทช่วงเช้าแบบหลากหลาย เช่น ยิมบาร์, ฟิตเนสชั้นต้น ๆ, โยคะ หรือจิตรกรรม การมีประจำวันในการออกกำลังกายช่วงเช้ายังช่วยให้เรามีพลังงานที่ดีตลอดวัน
ท่าออกกำลังกายนี้เป็นเพียงตัวอย่างเท่านั้น ยังมีท่าออกกำลังกายอื่น ๆ ที่น่าสนใจอีกมากมาย เพื่อให้คุณสามารถเลือกทำตามความสะดวกและความสนใจของคุณได้
คำถามที่พบบ่อย
1. การออกกำลังกายต้องทำกี่ครั้งต่อสัปดาห์?
คำตอบ: สำหรับผู้สุขภาพทั่วไปแล้ว ควรออกกำลังกายอย่างน้อย 3-5 วันต่อสัปดาห์ ด้วยความยาวประมาณ 30-60 นาทีต่อวัน สามารถแบ่งเวลาออกกำลังกายให้เพียงพอตามความเหมาะสมและสุขภาพของแต่ละบุคคล
2. ต้องใช้เวลานานแค่ไหนในการออกกำลังกาย?
คำตอบ: ไม่จำเป็นต้องใช้เวลานานมาก จะได้ผลอย่างดีแล้วถ้าคุณออกกำลังกายอย่างต่อเนื่องและตนเองมีการออกเหงื่อสะสมครบๆ ในท่าออกกำลังกาย จึงไม่จำเป็นต้องใช้เวลานานนับชั่วโมง
3. การออกกำลังกายมีประโยชน์อะไรบ้าง?
คำตอบ: การออกกำลังกายมีประโยชน์มากมาย เช่น เสริมสร้างกล้ามเนื้อ ลดน้ำหนัก ป้องกันโรคที่เกี่ยวกับระบบหัวใจและหลอดเลือด ช่วยแก้ปัญหาความเครียดและซึมเศร้า และเพิ่มพลังงานให้กับร่างกายและจิตใจ
4. บุคคลใดสามารถออกกำลังกายได้?
คำตอบ: ทุกคนสามารถออกกำลังกายได้ ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่มีความสามารถทางกายภาพดีหรือไม่ดี เด็กหรือผู้สูงอายุ การออกกำลังกายสามารถปรับแต่งให้เหมาะสมกับความสามารถและความเหมาะสมกับทุกคน
ดูเพิ่มเติมที่นี่: maucongbietthu.com
ท่าออกกําลังกายพื้นฐาน 10 ท่า
ในบทความนี้เราจะพาท่านไปทำความรู้จักกับ 10 ท่าออกกำลังกายพื้นฐานที่สำคัญที่ทุกคนควรรู้จัก ดังนี้
1. ยกแขนด้านข้าง (Side Arm Raises)
– วิธีการทำ: ยืนตรง หันหน้าไปหน้าออก ยกแขนเส้นตรงลงด้านข้างให้สัมผัสแขนกับลำตัว
– ประโยชน์: เสริมกล้ามเนื้อหลัง และกล้ามเนื้อไหล่
2. ยกแขนด้านหน้า (Front Arm Raises)
– วิธีการทำ: ยืนตรง กางแขนตรงไปด้านหน้าให้สัมผัสแขนกับลำตัว
– ประโยชน์: เสริมกล้ามเนื้อไหล่ และกล้ามเนื้อแขน
3. ยกขาด้านข้าง (Side Leg Raises)
– วิธีการทำ: ยืนตรง กางขาทั้งสองข้างไปด้านข้าง
– ประโยชน์: เสริมกล้ามเนื้อท้ายเท้า
4. กางขาด้านข้าง (Side Lunges)
– วิธีการทำ: นั่งยืนตัวซ้าย ดันลำตัวไปด้านข้างซ้ายพร้อมกับงอเข่าให้ทางตรงกับลำตัว เมื่อดันไปทางด้านข้างจนถึงข้องเข่าให้ยืนตัวขึ้นมาเดิม ทำฝั่งตรงก่อนที่จะเปลี่ยนฝ่ายไปด้านที่เหลือ
– ประโยชน์: เสริมกล้ามเนื้อขา และกล้ามเนื้อสะโพก
5. กางขาทั้งสองข้าง (Squat)
– วิธีการทำ: ยืนตรง กางขาเป้าหมายให้ลงในระดับที่นั่งเก้าอี้ได้
– ประโยชน์: เสริมกล้ามเนื้อขา สะโพก และหลัง
6. ยกแขน (Push-ups)
– วิธีการทำ: นอนเหงาบนพื้น วางขากว้างขึ้นเล็กน้อย วางมือบานเล็กน้อยกว้างเท่าไหร่ที่คุณสามารถทำได้ และค่อยๆ หลุดลงไปจนชิดพื้น จังหวะฝึกกำลังยุ่งเหว่างผนังและลำตัว
– ประโยชน์: เสริมกล้ามเนื้อแขน ไหล่ และหลัง
7. คันเร่งมือ (Plank)
– วิธีการทำ: เหยียดขาตรง โดยลงพื้นแล้วใช้ฝ่ามือและข้อเท้ารองรับอยู่ ทำให้ลำตัวไม่สั่นไหว
– ประโยชน์: เสริมกล้ามเนื้อแขน หลัง และกล้ามเนื้อหน้าท้อง
8. ดัมเบลหรือเวท (Dumbbell or resistance band exercises)
– วิธีการทำ: ใช้ดัมเบลหรือเวทเทรนเนอร์เพื่อฝึกกล้ามเนื้อแขนหรือส่วนอื่นๆ ที่คุณต้องการ
– ประโยชน์: เสริมกล้ามเนื้อต่างๆ ตามที่คุณต้องการ
9. การกายภาพยนต์งานบ้าน (Household chores)
– วิธีการทำ: บ้านเรือนที่คุณต้องทำภายในบ้าน อาจเช่นการกวาดอาคาร ถูพื้น หรือล้างจาน อาจเป็นทำกิจกรรมออกแบบเว็บไซต์ หรือเขียนบทความ ก็เป็นการออกกำลังกายที่ดีหากทำอย่างหนัก
– ประโยชน์: เสริมกล้ามเนื้อและทรวงออกซิเจนให้กับร่างกาย
10. การเดินเร็วหรือวิ่ง (Walking or Jogging)
– วิธีการทำ: เดินหรือวิ่งในระยะเวลาใดระยะเวลาหนึ่ง เช่น เดินเร็วหรือวิ่งในเวลา 30 นาทีต่อวัน
– ประโยชน์: เสริมการทำงานของหัวใจและปรับสมดุลของร่างกาย
คำถามที่พบบ่อย (FAQs)
1. การออกกำลังกายเป็นอย่างไร?
– การออกกำลังกายคือกิจกรรมที่ทำให้ร่างกายเคลื่อนไหวในลักษณะที่ต้องใช้พลังงานมากขึ้นจากปกติ เช่น เดินเร็ว วิ่ง ต้นแบบว่าบ่อยแต่เรื่องการทำงานจะไม่ใช่เช่นกันเพราะความต้องการในการทำงานของหัวใจและประสาทปรับสมดุลต่างกัน
2. ผลกระทบของการออกกำลังกายแก่กล้ามเนื้อและร่างกายอย่างไร?
– การออกกำลังกายช่วยกระตุ้นกระบวนการเจริญเติบโตของกล้ามเนื้อและลดการสลายสมดุลของร่างกาย
3. สูตรในการวางแผนกิจกรรมการออกกำลังกายควรอย่างไร?
– คุณควรวางแผนกิจกรรมการออกกำลังกายตามลักษณะท่องเที่ยวและความสะดวกสบายของคุณในการออกกำลังกาย ยกตัวอย่างเช่น หากคุณอยู่ในเมืองเมื่อเช้าโดยการเดินหรือวิ่งไม่ได้ คุณอาจช้อนอาหารทำอะไรบางอย่าง เพื่อให้ร่างกายของคุณเคลื่อนไหวและใช้พลังงานในกระบวนการปรับสมดุลของร่างกาย
4. ควรทำกิจกรรมการออกกำลังกายกี่ครั้งต่อสัปดาห์?
– นักวิจัยจากองค์กรด้านสุขภาพแนะนำให้ทำกิจกรรมการออกกำลังกายอย่างน้อยสี่ถึงห้าครั้งต่อสัปดาห์ ในช่วงกิจกรรมออกกำลังกายมีความหลากหลายได้เช่นเดินเร็ว วิ่ง นั่งรอบบ้าน เล่นกีฬา เป็นต้น
5. ผลกระทบของการออกกำลังกายกับสมองมีอย่างไรบ้าง?
– การออกกำลังกายช่วยส่งเสริมการสร้างโมเดลพิพิธภัณฑ์สมองในระยะยาว การออกกำลังกายที่มีความหนักมากหรือระยะเวลานานเกินไปอาจช่วยมีผลทำให้ระบบสมองของคุณทำงานได้ดีขึ้น
หวังว่าบทความนี้จะช่วยเสริมให้ท่าออกกำลังกายพื้นฐาน 10 ท่านี้กลายเป็นหนึ่งในสิ่งที่คุณต้องการทำเพื่อสุขภาพของคุณค่อยๆ ฝึกตัวไปเรื่อยๆ และจงรักษาสุขภาพแบบดีให้ได้เสมอ
ท่า ออก กํา ลังกา ย พื้นฐาน 16 ท่า
การออกกำลังกายเป็นสิ่งสำคัญที่จะสร้างสุขภาพและความแข็งแกร่งให้กับร่างกายของเรา อีกทั้งยังช่วยให้เรามีสมรรถภาพและความคิดรวดเร็วมากขึ้น การออกกำลังกายที่ถูกต้องเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อให้เราสามารถใช้ชีวิตอย่างเต็มที่
รวมถึงการฝึกกล้ามเนื้อและการเพิ่มความต้านทานโรค ความสำคัญของการออกกำลังกายนี้ได้รับการยอมรับไว้ทั่วโลก ด้วยเหตุนี้เรามีท่าออกกำลังกายพื้นฐาน 16 ท่าที่จะช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับทุกคน ได้แก่:
1. กกด้วยแขน: เริ่มจากนอนหงายลงบนพื้นหลังหมอน ดันแขนของคุณลงบนพื้นไปด้านหน้าและหงายลงทั้งสองข้าง นับจำนวน 10 แล้วสลับดำกับปล่อยหรือลดลงกับพื้น
2. แมวตัวกลาง: ลุกจากท่าที่ 1 แล้วยกแขนและขาขึ้น ดึงชี้และนิ้วโป้งของคุณถึงตำแหน่งตรงกับไหล่และส้นเท้าของคุณตามลำดับ ลอนหลังลงบนก้นของคุณและคงตัวในเวลา 5 วินาที
3. เลนิจ: นอนหงายลงบนพื้นฝ่ามือหันขึ้น ลักไหล่และสะบัดตัวของคุณสลับปล่อยลงระหว่างเท้าทั้งสองข้าง ไหว้อ่านและค่อยๆ ยกตัวขึ้น จากนั้นก้มลงสู่ด้านหน้าด้วยความสบาย
4. ง่วงง่าย: นอนหงายลงบนพื้นฝ่าเท้าติดพื้นให้แนบกันและยกเท้าขึ้น วางหินสีบนขาและยักไหล่ของคุณที่ด้านหลัง ค้างไว้เป็นเวลา 10 วินาทีแล้วก้มลงและรู้สึกผ่อนคลาย
5. ยกแขน: นั่งบนก้นเท้าโดยมีเท้าปลายแตะพื้น ยกแขนและบิดครึ่งตัวของคุณไปด้านหน้าบน ก้มลงและผ่องแขนของคุณให้สัมผัสกับพื้น ค้างไว้เป็นเวลา 5 วินาที
6. แถบบริดเชือก: นั่งบนพื้นแนบกับพับข้อเท้า หากมือของคุณไม่สามารถยกหรือยื่นตรงไปด้านหน้าได้ ให้วิ่งไปด้านหมอนและยืนตรงตามที่คุณหันและยกแขนขึ้นและย้อนกลับ
7. ตกปลา: ยืนท่าเตียงของคุณเข้าสู่เขตส่วนตัวของคุณ ขยับน็อตและเหยียดขาเข้าหาโคนของคุณ คงตัวในเวลา 5 วินาที แล้วยกน้ำหนักเพื่อยกไหล่ของคุณแล้วกลับไปยังท่าเตียงของคุณ
8. ท่าบิลด์เว็กซ์: นั่งท่าเข่าโกรกที่พื้นและมือยื่นไปด้านหน้า ยองแขนขั้นเอียงขึ้นและลดสะโพกของคุณลงมา คงตัวในเวลา 10 วินาทีและค่อยๆ ยกตัวขึ้นเพื่อกลับสู่ท่าเบิร์ดเว็กซ์
9. กระโดดไขว่: ยืนท่าของหน้าและขบวนการผสมผสานของคุณระหว่างขาและแขนเพื่อขึ้นและยื่นไปด้านหน้า ค้างไว้เป็นเวลา 10 วินาทีและค่อยๆ ยกตัวขึ้นเพื่อกลับสู่ท่าของหน้า
10. พูลโลง: ยืนตัวของคุณเข้าสู่อาณาเขตส่วนตัวของคุณและยองแขนของคุณขึ้นด้านหน้า คงตัวในเวลา 5 วินาที และค่อยๆ ปล่อยลงเพื่อกลับสู่ท่าต้นฉบับ
11. ข้างตกขาว: ยืนขากางหน้าของคุณกับความรู้สึกลำตัวของคุณในตอนนี้เกริ่นแขนของคุณเพื่อขาดเอนลงไปที่อดีต ค้างไว้เป็นเวลา 5 วินาทีและค่อยๆ ปล่อยลงเพื่อกลับสู่ท่าต้นฉบับ
12. ผิวริบสามเท้า: ยืนปีกแขนไว้เพื่องอตัวของคุณไปด้านซ้ายของคุณและการลงไปยังชิดในลำตัวของคุณ คงตัวในเวลา 10 วินาทีและค่อยๆ ยกตัวขึ้นเพื่อกลับสู่ท่าต้นฉบับ
13. รองเท้าขัด: ยืนก้าวลงอย่างแรงของคุณและนำความรู้สึกของคุณไปยังจุดหมายที่คว้าหาไว้อย่างร้ายแรง คงตัว 5 วินาทีและค่อยๆ ปล่อยลงเพื่อกลับสู่ท่าต้นฉบับ
14. ท่าเวียนอกขา: นอนหงายลงบนพื้นพร้อมหย่อนสะโพก คำนวณมือของคุณไปสู่ด้านหน้าและกลับไปยังท่าเริ่มต้น คงสภาพ 5 วินาทีและลดลงเพื่อเริ่มต้นอีกครั้ง
15. ท่านอนหงายเซียน: นอนคว่ำลงบนพื้นไว้และย้อมแขนและขาของคุณไปทางด้านขวาของคุณเองและยกขึ้น คงผีแทนของคุณในเวลา 5 วินาทีและค่อยๆ ปล่อยสูงขึ้นเพื่อกลับสู่ท่าที่อยู่ตรงกลาง
16. ม้านั่งล่าง: นอนหงายลงบนพื้นและยกแขนของคุณขึ้น คย์ลงและจับหน้าอกของคุณด้วยมือของคุณ คงบานขะและรักษาความตึงเครียดเหมือนเดิมในเวลา 5 วินาที
แนวทางการออกกำลังกายนี้เป็นเพียงบางส่วนเท่านั้นเพราะยังมีท่าอื่น ๆ ที่สามารถผลักดันร่างกายของคุณได้อีกหลากหลายรูปแบบ หากคุณสนใจควรปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญการกำหนดออกกำลังกายเพิ่มเติมที่เหมาะกับคุณ
คำถามที่พบบ่อย
1. ท่าออกกำลังกายพื้นฐาน 16 ท่านี้เหมาะสำหรับใคร?
ท่าออกกำลังกายพื้นฐาน 16 ท่าเหมาะสำหรับทุกคนที่ต้องการเพิ่มความแข็งแรงให้กับร่างกายและสร้างรูปร่างที่พอเหมาะ
2. สามารถทำท่านี้ทุกวันได้ไหม?
ใช่ คุณสามารถทำท่าออกกำลังกายพื้นฐาน 16 ท่าทุกวันได้ อย่างไรก็ตาม หากคุณรู้สึกว่าร่างกายของคุณมีอาการเจ็บปวดหรืออ่อนแรง ควรพักผ่อนหรือปรึกษาแพทย์ก่อนที่จะทำ
3. การทำท่านี้จะเสี้ยงต่อการบาดเจ็บหรือไม่?
ท่าออกกำลังกายพื้นฐาน 16 ท่าเป็นท่าที่เรียบง่ายและไม่เสี่ยงต่อการบาดเจ็บถ้าคุณทำตามคำแนะนำในแต่ละท่าโดยรอบ
4. มีท่าไหนที่เหมาะสำหรับผู้ที่มีความสามารถทางกายภาพน้อยหรือไม่เคยออกกำลังกายมาก่อน?
ท่าออกกำลังกายพื้นฐาน 16 ท่าเหมาะสำหรับผู้ที่มีความสามารถทางกายภาพน้อยหรือไม่เคยออกกำลังกายมาก่อน คุณสามารถปรับแต่งระดับความยากโดยเพิ่มแรงกดดันหรือลดส่วนน้อยลง ให้คุณรู้สึกสบายและเป็นไปตามสภาพร่างกายของคุณได้
5. ควรรับประทานอาหารใด เพื่อสนับสนุนการออกกำลังกายนี้?
สำหรับการออกกำลังกาย คุณควรรับประทานอาหารที่มีประโยชน์เพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อและส่งเสริมการฟื้นตัว อาหารที่เหมาะสมได้แก่ ผลไม้ เนื้อปลา ไข่ ถั่ว เนื้อสัตว์ที่หมักไว้ และของทะเล
ผมหวังว่ามาตรฐานออกกำลังกายพื้นฐาน 16 ท่านี้จะช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับร่างกายของคุณอย่างเป็นระบบ ให้คุณสามารถดำเนิน
ท่าบริหาร ร่างกาย 10 ท่า พร้อม คํา อธิบาย
ท่าบริหารร่างกายคือการทำกิจกรรมทางกายที่เป็นประโยชน์สำหรับสุขภาพร่างกาย ซึ่งท่าเหล่านี้สามารถช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อ ปรับสมดุล ลดความกลัว และสร้างแรงของร่างกายได้
ท่าบริหารร่างกาย 10 ท่าพร้อมคำอธิบาย
1. ยกแขนด้านข้าง: ท่านี้ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อในริมฝีปาก เพื่อให้มีความแข็งแรงและไม่หย่อนล้า
2. กางแขนด้านข้าง: การกางแขนด้านข้างจะช่วยยืดกล้ามเนื้อและข้อต่อ ช่วยลดความตึงเครียดจากการทำงานนานๆ
3. หมุนไหล่: ท่านี้ช่วยสร้างสมดุลในร่างกาย ลดอาการปวดหลัง และป้องกันอาการเกร็งของไหล่
4. งอข้อเท้า: การงอข้อเท้าช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับข้อเท้า ลดอาการบวมและปวดของเท้า
5. กางขาหลัง: ท่านี้ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับขา ลดอาการน้ำหนักเกิน และเสริมสร้างกล้ามเนื้อขา
6. ท่าเหยียดหลัง: การเหยียดหลังช่วยฟื้นฟูระบบกระดูกเพื่อลดอาการปวดหลังและสลายเส้นประจำเดือน
7. กลัดแขน: ท่านี้ช่วยเพิ่มกล้ามเนื้อในแขน และลดการสะสมไขมันที่บริเวณแขน
8. งอหลัง: การงอหลังช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อหลังเพื่อลดอาการปวดหลัง
9. ยกขาขึ้น: ท่านี้ช่วยเพิ่มแรงในกล้ามเนื้อขาและกระชับกล้ามเนื้อหน้าต่างๆ ให้เต็มพิกัด
10. ท่างอก: การทำท่างอกช่วยปรับสมดุลกล้ามเนื้อในอกและลดอาการคัดใจ
คำถามที่พบบ่อย (FAQs)
1. ท่าบริหารร่างกายแต่ละท่าสามารถทำได้ทุกวันหรือไม่?
ท่าบริหารร่างกายแต่ละท่าสามารถทำได้ทุกวัน แต่ในการเริ่มต้นควรเริ่มทำเป็นระยะเวลาสั้นๆ เช่น 15-20 นาทีต่อวัน และเพิ่มระยะเวลาเป็นลำดับช้าๆเพื่อป้องกันอาการเจ็บปวดหรือทำให้ร่างกายเหนื่อยเกินไป
2. การทำท่าบริหารร่างกายสำคัญอย่างไร?
การทำท่าบริหารร่างกายสำคัญอย่างมาก เพราะช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อ ช่วยปรับสมดุลร่างกาย ลดความเร็วของกระบวนการเสื่อมสลายของกล้ามเนื้อ ลดอันตรายจากการบาดเจ็บ และช่วยลดความเครียดจากการทำงานนานๆ
3. แต่ละท่าบริหารร่างกายเหมาะสำหรับกลุ่มเป้าหมายใด?
แต่ละท่าบริหารร่างกายเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเสริมสร้างกล้ามเนื้อ ลดน้ำหนัก เพิ่มความยืดหยุ่น ปรับสมดุลร่างกาย และลดความเครียด
4. หากมีปัญหาและอาการบาดเจ็บในระหว่างการทำท่าบริหารร่างกาย ควรทำอย่างไร?
หากมีปัญหาและอาการบาดเจ็บในระหว่างการทำท่าบริหารร่างกาย ควรหยุดทำทันทีและพบแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์เพื่อการวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสม
5. ท่าบริหารร่างกายอย่างไรจึงจะได้ผลดี?
เพื่อให้ท่าบริหารร่างกายได้ผลดีที่สุดควรผ่านขั้นตอนเบื้องต้นดังนี้:
– ควรเริ่มด้วยการเตรียมตัวก่อนทำ โดยการออกกำลังกายอื่นๆ ก่อนทำท่าบริหารร่างกาย
– ควรเริ่มด้วยท่าที่ง่ายและเหมาะสมกับร่างกายคนเริ่มต้น
– ควรดูแลการหายใจให้ถูกวิธี และห้ามกัดกรังในการหายใจ
– ควรปรับแต่งระดับความยากง่ายของท่าที่ทำเพื่อรักษาความน่าสนใจ
ท่าบริหารร่างกายเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์สำหรับสุขภาพร่างกายทั้งแบบกายภาพและจิตใจ สามารถทำได้ทุกวันเป็นระยะๆ โดยไม่จำกัดเวลาและสภาพบริหารร่างกายของปัจจุบัน ด้วยกิจกรรมหลากหลายแบบท่าบริหารร่างกายอย่างเช่น ยกแขนด้านข้าง กางแขนด้านข้าง หมุนไหล่ งอข้อเท้า กางขาหลัง ท่าเหยียดหลัง กลัดแขน งอหลัง ยกขาขึ้น และท่างอก ท่าเหล่านี้สามารถช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อ ปรับสมดุล ลดความกลัว เพิ่มความยืดหยุ่น และลดความตึงเครียดได้
คำนึงถึงความปลอดภัยและความสะดวกในการทำ หากมีปัญหาการบริหารร่างกายหรืออาการบาดเจ็บ ควรพบแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์เพื่อการวินิจฉัยและการรักษาที่ถูกต้อง อย่างไรก็ตาม โดยทั่วไปแล้ว ท่าบริหารร่างกายจะต้องเน้นการทำอย่างสม่ำเสมอเพื่อความเข้มแข็งโดยรวมของร่างกาย โดยยึดตามหลักการออกกำลังกายที่ถูกต้องและเหมาะสม เพื่อให้ได้ผลที่ดีและปลอดภัยต่อร่างกาย
มี 44 ภาพที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อ ท่า ออกกำลัง กาย 20 ท่า.
ลิงค์บทความ: ท่า ออกกำลัง กาย 20 ท่า.
ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโพสต์หัวข้อนี้ ท่า ออกกำลัง กาย 20 ท่า.
- ต้องรู้! ท่าบริหารร่างกาย 20 ท่าพื้นฐาน ทำง่าย พร้อมออกกำลังกายต่อ …
- กายบริหาร แบบพอเพียง 20 ท่า – โรงพยาบาลราชวิถี
- 12 ท่าออกกำลังกายง่ายๆ ที่บ้าน ฟิตหุ่นรับหน้าร้อน 2563 – AkeruFeed
- สวยทั้งตัว! กับรวม 10 ท่าออกกำลังกายง่าย ๆ ใครก็ทำได้ – Wongnai
- รู้หรือไม่ วิ่งวันละ 20 นาทีได้ประโยชน์กว่าที่คิด – SUGOI GENKI
- 7 ท่าออกกำลังกายง่ายๆ พื้นฐาน พร้อมประโยชน์และคำอธิบาย ทำได้เอง
- รวม 8 ท่าออกกำลังกาย ลดน้ำหนัก 1 เดือน ผอมชัวร์ – Wongnai
- ต่างวัย ออกกำลังกายต่างกัน – อนามัยมีเดีย
- ท่ายืดกล้ามเนื้อ ก่อนและหลังออกกำลังกายที่ถูกต้อง
ดูเพิ่มเติม: maucongbietthu.com/category/after-hours